fbpx

หน้าติดสเตียรอยด์ทำอย่างไรดี??

สาเหตุของผิวติดสเตียรอยด์โดยส่วนใหญ่มาจาก 2 สาเหตุครับ
1. ติดสเตียรอยด์เพราะอยากสวยงาม
2. ติดสเตียรอยด์เพราะเป็นโรคผิวหนัง

1.ติดสเตียรอยด์เพราะอยากสวยงาม
สาเหตุคืออยากสวย อยากหน้าใส เลยโดนหลอกให้ใช้ครีมทางเนต ครีมของเพื่อนของพี่ที่สนิทกัน ด้วยประสิทธิภาพของสเตียรอยด์ทาไม่กี่วันผิวก็ขาวใสอย่างชัดเจนครับ ทำให้คนทาชอบและติดสเตียรอยด์ในที่สุด

2.ติดสเตียรอยด์เพราะเป็นโรคผิวหนัง
โรคผิวหนังบางโรคเป็นโรคเรื้อรัง เช่น เซ็บเดิร์ม สะเก็ดเงิน ผิวแพ้ ภูมิแพ้ ดังนั้นเมื่อเป็นแล้วก็ต้องรักษา วิธีรักษาที่ง่ายที่สุดก็คือ ยาทาสเตียรอยด์ ในปัจจจุบันแพทย์ยุคใหม่มักไม่ค่อยคำนึงถึงการที่ผิวจะติดสเตียรอยด์ สนใจเพียงแค่การวินิจฉัยโรคและการรักษาโดยใช้ระยะเวลาอันสั้น ทำให้เกิดการติดยาสเตียรอยด์อย่างมากมายในปัจจุบัน

การรักษาอาการผิวติดสเตียรอยด์
สำคัญที่สุดคือ ต้องเลิกใช้ยาอย่างเด็ดขาด  ห้ามค่อยๆลดยา หรือ ลดจำนวนทา อย่างนี้ไม่สามารถเลิกได้
>> ในเคสที่ติดยาไม่รุนแรง เลิกยาประมาณ1-2เดือนก็จะหย่ายาได้ ช่วงเลิกยามักมีอาการผิวแห้ง มีผื่นขึ้นบ้างเล็กน้อย การใช้ครีมลดการอักเสบเช่น Eczera หรือ physio cream ช่วยลดอาการให้ทุเลาลง
>> ในเคสที่ติดยารุนแรง  มักมีอาการคันหน้า ผื่นสิวขึ้นอย่างรุนแรง ส่วนใหญ่มักทนไม่ไหวกลับไปใช้สเตียรอยด์อีก
แนะนำให้มาพบหมอครับ อย่าทนเลยเพราะมันจะทำให้เลิกยาไม่ได้

 

:: Share This ::

ติดสเตียรอยด์รักษายังไงดีที่สุด

ผมรักษาคนไข้ผิวติดสเตียรอยด์ด้วยการไม่ใช้สเตียรอยด์มานานกว่า10ปี ทั้งชีวิตไม่เคยให้คนไข้ทาสเตียรอยด์บนใบหน้าเลย
ได้ช่วยคนที่ติดยาให้หายแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000 คน แต่คนที่ติดและเริ่มติดสเตียรอยด์มีมากกว่ามากๆๆๆๆครับ
ดังนั้นเรามาช่วยรณรงค์ในการ ลด ละ เลิก สเตียรอยด์กันดีกว่าครับ

อาการของคนติดสเตียรอยด์คืออะไรคะ??
อาการของผิวติดสเตียรอยด์หรือ ผิวบาง คือ
# เป็นผื่นแพ้บ่อยๆ
# สิวผดขึ้นบนใบหน้าบ่อยๆ
# คันหน้าง่าย โดนฝุ่นนิดหน่อย
# ออกแดดแล้วหน้าแดง ผื่นขึ้น
# ผิวเซนส์ซิทีฟ แพ้ง่าย
# สิวที่เกิดจากไรขน

ถ้ามีอาการข้างต้น ให้สงสัยว่าจะมีการติดยาสเตียรอยด์ หรือ ใช้สเตียรอยด์มานานทำให้ผิวบาง
และจะชัดเจนมากขึ้นถ้ามีพฤติกรรมเหล่านี้ร่วมด้วย คือ
1. ผื่นขึ้นทายาแก้แพ้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ก็หาย แต่ต้องทาทุกเดือน
2. ทาครีมอยู่ชนิดนึง เลิกไม่ได้ ถ้าเลิกแล้ว
2.1 ผื่นขึ้น
2.2 ผิวหน้าคล้ำลง ฝ้ากระ เป็นมากขึ้น
ถ้ามีอาการร่วมอย่างนี้อีกสันนิษฐานได้ว่าติดสเตียรอยด์

สเตียรอยด์ในปัจจุบันมีในรูปแบบใดบ้างคะ??
ยาทาแก้สิว เช่น ครีมแก้แพ้ ครีมลบรอย ครีมรักษาสิว
ยาทาลบฝ้า
ยาฉีดสิว
ยากิน
จะเห็นได้ว่ามีทุกรูปแบบ

การใช้สเตียรอยด์ผิดกฎหมายมั้ยคะ??
ไม่ผิดถ้าใช้โดยแพทย์ แพทย์มีสิทธิใช้สเตียรอยด์ได้
แต่จะผิดกฎหมายถ้าใช้โดยประชาชนทั่วไป แอบผสมอยู่ในครีมหน้าขาว ครีมบำรุงต่างๆ แล้วมาขายกันทางอินเตอร์เนต

ดังนั้นคนติดสเตียรอยด์ คือ ติดมาจากครีมในเนต??
อันนี้เป็นส่วนนึงครับ ประมาณ50% ของคนไข้ที่หมอดูแลอยู่ติดทางนี้ อีก50%ติดโดยแพทย์จ่ายยาให้

หมายความว่ายังไงคะ ติดโดยแพทย์??
คือ แพทย์ที่ตรวจผิวหนังบางครั้งไม่บอกคนไข้ว่าครีมที่ให้ไป หรือ ยาที่ฉีดสิว คือ สเตียรอยด์ ดังนั้นพอได้สเตียรอยด์ไปคนไข้ก็ชอบ ชอบจึงติด ติดแล้วก็เกิดผลเสียกับผิว

การเลิกสเตียรอยด์ทำยังไงคะคุณหมอ ถ้าอยากจะเลิก ??
1. ต้องตั้งใจจริงว่าจะเลิก เพราะมันไม่ง่าย ต้องอดทนอย่างมากในช่วงแรกประมาณ2-3เดือนหลังจากหยุดยา เพราะจะมีสิว และ ผื่นเห่อขึ้นมา เราต้องอดทนไม่กลับไปใช้มันเลย เน้นย้ำครับ ต้องไม่กลับไปใช้เลย ถ้ากลับไปใช้นั่นหมายความว่าเรายอมแพ้มันแล้ว
2. ตั้งใจเลิกต้องหักดิบครับ
ประมาณ50% ของคนที่หักดิบ จะมีผื่นขึ้นจากการขาดยาแต่ไม่รุนแรง กลุ่มนี้สามารถหายได้เอง การดูแลผิวด้วยตนเอง เริ่มจาก ล้างหน้าตามแนวขนให้ถูกวิธี ล้างด้วยน้ำเย็น ไม่แกะเกาผิวหรือสิวที่ขึ้น ทาครีมลดการระคายเคือง เช่น ezzera หรือ physio cream บางครั้งอาจใช้น้ำเกลือใส่ผ้าก้อซคอยประคบใบหน้ายามที่หน้าร้อนผ่าวๆ ถ้าผ่านช่วงเห่อซึ่งกินเวลาประมาณ2-3เดือนไปได้ผิวก็จะกลับมาดีขึ้นแม้จะไม่เหมือนเดิม 100%ก็ตาม แต่ถ้าทำตามนี้แล้วยังไม่หาย หรือ ทนไม่ไหวตั้งแต่ต้นแนะนำให้มาพบหมอครับ

ที่เหลือประมาณ50% คือกลุ่มที่ทนไม่ไหวเพราะอาการรุนแรงมาก จึงต้องกลับไปใช้สเตียรอยด์ใหม่ กลุ่มนี้แนะนำให้มาพบหมอครับ อย่าเลิกเองเพราะจะทรมานมากเกินไป

การรักษาแบบคุณหมอ รักษายังไงคะ ??
การรักษาผิวติดสเตียรอยด์ในแนวทางของผมคือ ต้องไม่ใช้สเตียรอยด์เลยเป็นอันขาดครับ ลดขนาดยา หรือ จำนวนยาก็ไม่ได้ เพราะถ้าจะเลิกต้องไม่ใช้มันอีกเลย  แนวทางของผมคือ ปรับปรุงผิวให้แข็งแรงด้วยแสงเลเซอร์ เพราะแสงเลเซอร์เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยกับผิวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในปัจจุบันเทคโนโลยีด้านเลเซอร์พัฒนาไปไกลมาก และประสบการณ์ในการรักษาของผมที่มากกว่า10ปี ทำให้ผมมั้นใจในการรักษาเลิกสเตียรอยด์ด้วยการใช้แสงเลเซอร์ครับ

เลเซอร์อะไรบ้างที่คุณหมอนำมารักษาผิวติดสเตียรอยด์??
เป็นเลเซอร์ 2 ชนิดครับ   เลเซอร์ 595 หรือ Vbeam ตัวนี้นำมารักษาผิวบาง รอยเส้นเลือด รอยแดง สิวที่เกิดจากสเตียรอยด์ และยังช่วยในการปรับผิวให้แข็งแรง
เลเซอร์ smoothbeam นำมารักษาสิวอักเสบ สิวอุดตัน แทนการกดและฉีดสิวครับ

นพ.วิสิฏฐ ศรีสนิท
SVJ clinic
คุณหมอนักสู้สเตียรอยด์

 

:: Share This ::

รู้ได้ยังไงว่าผิวติดสเตียรอยด์??

ผมรักษาคนไข้ผิวติดสเตียรอยด์ด้วยการไม่ใช้สเตียรอยด์มานานกว่า10ปี ทั้งชีวิตไม่เคยให้คนไข้ทาสเตียรอยด์ยนใบหน้าเลย
ได้ช่วยคนที่ติดยาให้หายแล้วไม่ต่ำกว่า10,000คน แต่คนที่ติดและเริ่มติดสเตียรอยด์มีมากกว่ามากๆๆๆๆครับ
ดังนั้นเรามาช่วยรณรงค์ในการ ลด ละ เลิก สเตียรอยด์กันดีกว่าครับ

อาการของคนติดสเตียรอยด์คืออะไรคะ??
อาการของผิวติดสเตียรอยด์หรือ ผิวบาง คือ
# เป็นผื่นแพ้บ่อยๆ
# สิวผดขึ้นบนใบหน้าบ่อยๆ
# คันหน้าง่าย โดนฝุ่นนิดหน่อย
# ออกแดดแล้วหน้าแดง ผื่นขึ้น
# ผิวเซนส์ซิทีฟ แพ้ง่าย
# สิวที่เกิดจากไรขน

ถ้ามีอาการข้างต้น ให้สงสัยว่าจะมีการติดยาสเตียรอยด์ หรือ ใช้สเตียรอยด์มานานทำให้ผิวบาง
และจะชัดเจนมากขึ้นถ้ามีพฤติกรรมเหล่านี้ร่วมด้วย คือ
1. ผื่นขึ้นทายาแก้แพ้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ก็หาย แต่ต้องทาทุกเดือน
2. ทาครีมอยู่ชนิดนึง เลิกไม่ได้ ถ้าเลิกแล้ว
2.1 ผื่นขึ้น
2.2 ผิวหน้าคล้ำลง ฝ้ากระ เป็นมากขึ้น
ถ้ามีอาการร่วมอย่างนี้อีกสันนิษฐานได้ว่าติดสเตียรอยด์

สเตียรอยด์ในปัจจุบันมีในรูปแบบใดบ้างคะ??
ยาทาแก้สิว เช่น ครีมแก้แพ้ ครีมลบรอย ครีมรักษาสิว
ยาทาลบฝ้า
ยาฉีดสิว
ยากิน
จะเห็นได้ว่ามีทุกรูปแบบ

การใช้สเตียรอยด์ผิดกฎหมายมั้ยคะ??
ไม่ผิดถ้าใช้โดยแพทย์ แพทย์มีสิทธิใช้สเตียรอยด์ได้
แต่จะผิดกฎหมายถ้าใช้โดยประชาชนทั่วไป แอบผสมอยู่ในครีมหน้าขาว ครีมบำรุงต่างๆ แล้วมาขายกันทางอินเตอร์เนต

ดังนั้นคนติดสเตียรอยด์ คือ ติดมาจากครีมในเนต??
อันนี้เป็นส่วนนึงครับ ประมาณ50% ของคนไข้ที่หมอดูแลอยู่ติดทางนี้ อีก50%ติดโดยแพทย์จ่ายยาให้

หมายความว่ายังไงคะ ติดโดยแพทย์??
คือ แพทย์ที่ตรวจผิวหนังบางครั้งไม่บอกคนไข้ว่าครีมที่ให้ไป หรือ ยาที่ฉีดสิว คือ สเตียรอยด์ ดังนั้นพอได้สเตียรอยด์ไปคนไข้ก็ชอบ ชอบจึงติด ติดแล้วก็เกิดผลเสียกับผิว

 

:: Share This ::

เป็นกำลังใจให้คนไข้ผิวบางติดสเตียรอยด์ทุกคนครับ

ที่หมอเขียนบทความนี้ขึ้นมาก็เพราะอยากเป็นกำลังใจให้คนไข้ที่ผิวบางและติดสเตียรอยด์จากการรักษาสิวครับ เนื่องจากผมมีคนไข้ที่ทนทุกข์ทรมานจากการรักษาสิวแล้วไม่หาย ยังไม่พอยิ่งรักษายิ่งแย่ลง ผิวบางลง แดงง่าย
แพ้ง่าย ต้องไปพึ่งยาแก้แพ้ ( ยาสเตียรอยด์ ) ทาช่วงแรกๆสิวผดก็หาย แต่ยิ่งทาไปก็ยิ่งติดยาเลิกยาไม่ได้ เลิกปุ้บ
สิวขึ้นปั้บ นานๆเข้าทายาก็ยังคุมสิวผดไม่อยู่ขึ้นไม่มีหยุด จนทำให้หมดความหวังในการรักษาสิว เลิกรักษาไปเลยก็มีเยอะครับ พอเลิกรักษาสิวก็ยิ่งขึ้นพร้อมมีอาการคัน ไม่มีทางออกก็ต้องกลับมาทายาสเตียรอยด์อีก เป็นวัฐจักรที่ไม่มีวันจบสิ้น จนบางคนท้อไม่อยากยุ่งเรื่องการรักษาสิวไปเลยก็มีเยอะมากๆครับ ซึ่งนับวันผมจะเจอคนไข้กลุ่มนี้มากขึ้นๆ
จนทำให้เข้าใจถึงความรู้สึกหมดหวังในการดูแลตัวเอง ทั้งๆที่อยากดูแลแต่ยิ่งดูแลยิ่งแย่ลง เห็นใจมากๆครับ

สิ่งที่จะช่วยให้อาการติดสเตียรอยด์ดีขึ้นได้ คือ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลผิวครับ

อาการติดสเตียรอยด์คือ อาการที่ผิวมีความผิดปกติทางด้านเส้นเลือดซึ่งเกิดจากการทายามานานๆ ทำให้ผิวบางและอ่อนแอลง พอผิวอ่อนแอลงโดยความเชื่อก็ต้องบำรุงผิวด้วยครีม ซึ่งเป็นจุดแรกที่ทำให้ผิวแย่ลงครับ ในขณะที่ผิวแพ้ง่ายอ่อนแออยู่การทาครีมบำรุงจะยิ่งไปทำให้เกิดการระคายเคืองยังผลให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นยิ่งสิวเพิ่มขึ้นก็ต้องรักษาสิวเพิ่มขึ้น ครีมที่ใช้ในการรักษาสิวก็มีฤทธิ์เป็นกรดไปกัดผิวทำให้ผิวบางลงอีก เป็นวงจรที่ซ้ำซากยิ่งแก้ไขก็ยิ่งสร้างปัญหา ดังนั้นในทางแก้ไขง่ายๆถ้ามีอาการผิวอ่อนแอ ผิวระคายเคืองง่าย ต้องไม่บำรุงเพิ่มครับ หยุดการใช้ครีมเพื่อไม่กระตุ้นอาการแพ้ งดอาหารจำพวกนม เนย ถั่ว เค้ก ช้อกโกแลต ข้าวซ้อมมือ กล้วย แอลกอฮอล์ ล้างหน้าตามแนวโพรงขนเพื่อไม่รบกวนการไหลเวียนของน้ำมันใต้ผิวหนัง เท่านี้ก็ช่วยได้ไม่น้อยกว่า 50% แล้วครับ แต่ถ้าอยากจะเลิกยาสเตียรอยด์ให้เร็วขึ้น หรือ ในคนไข้ที่มีอาการรุนแรง การใช้แสงเลเซอร์ Vbeam ช่วยเหลือปัญหาผิวติดสเตียรอยด์ได้ดีมากๆครับ ผมทำงานเลเซอร์ผิวหนังมามากกว่า 7 ปียืนหยัดสู้รักษาสิวโดยไม่เคยใช้สเตียรอยด์มาโดยตลอด เห็นคนไข้จำนวนมากที่หายขาดจากการติดสเตียรอยด์ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นกำลังใจให้ผมพัฒนาวิธีการรักษาและตั้งมั่นอยู่ในหลักการมาโดยตลอดครับ

ท้ายที่สุดนี้ความมุ่งมั่นต่อไปคือ อยากจะทำสังคมออนไลน์ให้ความรู้เกี่ยวกับผิวติดสเตียรอยด์ โดยช่วงนี้ผมได้เริ่มขออนุญาตให้คนไข้ที่ผมรักษาผิวติดสเตียรอยด์แล้วหายขาดมาช่วยเขียนประสบการณ์ในการรักษาซึ่งหวังว่าจะช่วยทำให้มุมมองและแนวคิดเกี่ยวกับผิวติดสเตียรอยด์สมบูรณ์มากขึ้นครับ

เป็นกำลังใจให้คนไข้ที่อยากเลิกสเตียรอยด์ทุกคนนะครับ

            

: : สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาหรือข้อสงสัยว่าตนเองจะติดสเตียรอยด์ : :
: : สามารถสอบถามผมได้ที่คลินิก หรือ : :

02 658 3838 (สยาม) 02 434 4955 (ปิ่นเกล้า)       SVJClinic

  Facebook.com/SVJClinic        SVJLaserClinic

  @SVJClinic          SVJ Laser Clinic

นพ วิสิฏฐ ศรีสนิท
Director SVJ Laser Clinic

:: Share This ::

Smooth Beam เลเซอร์เพื่อการรักษาสิว

เดือน ก ค. 49 ที่ผ่านมา มีรายงานวิชาการตีพิมพ์ในวารสารแพทย์ผิวหนังสหรัฐอเมริกา (Journal of American Academy in Dermatology หน้า 80-87 ) เป็นงานวิจัยเกี่ยวกับการใช้แสงเลเซอร์ 1450 mm diode (SmoothBeam ) มารักษาสิวอักเสบ โดยทดลองยิงเลเซอร์ทั่วใบหน้า ของอาสาสมัคร 20 คน ทั้งหมด 3ครั้ง ห่างกันครั้งละ 3-4 สัปดาห์
ผลการวิจัยพบว่า จำนวนสิวลดลง 70.6-75.1% หลังการรักษา 3 ครั้ง และยังคงผลการรักษานี้ไปอีก 1 ปีหลังการรักษา ทั้งยังทำให้รอยแผลเป็นจากสิวดีขึ้น ความมันบนใบหน้าลดลง

“ผลจากงานวิจัยฉบับนี้นำไปสู่ทางเลือกในการรักษาสิวอักเสบ รอยแผลเป็นจากสิว ที่สะดวก ปลอดภัย เหมาะสำหรับคนไข้ที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการทายา กลัวผลข้างเคียงของยารับประทาน หรือกลุ่มคนไข้ที่มีข้อห้าม ในการใช้ยา เช่น ผู้มีปัญหาโรคตับ แพ้ยา เป็นต้น”

ในด้านความปลอดภัย เลเซอร์ 1450 mm diode เป็นเลเซอร์ในกลุ่มที่ไม่ทำให้เกิดสะเก็ดแผล (Non-ablative Laser) ภายหลังการทำเลเซอร์สามารถประกอบกิจวัตรประจำวัน เช่น ล้างหน้า แต่งหน้าได้ตามปกติ

ส่วนการทำเลเซอร์ 1450 mm diode จะทำให้เพิ่มอัตราเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง หรือไม่นั้น คำตอบคือ เลเซอร์ 1450 mm diode เป็นแสงในช่วงคลื่นอินฟาเรดไม่ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ยืนยันได้จากคณะแพทย์ที่ทำการวิจัยนี้อยู่ที่ M.D. Andersan cancer center ซึ่งเป็นสถาบันรักษาโรคมะเร็งชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา ตอกย้ำถึงความปลอดภัยของเลเซอร์ 1450 mm Diode

:: Share This ::

การติด Steriod แบบไม่รู้ตัว

ปัญหาเรื่องการแอบใส่ สาร steroid ในครีมต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้ครีมเหล่านั้นในการป้องกันและลดอาการอักเสบ การระคายเคืองโดยไม่ได้คำนึงถึงผลข้างเคียงที่จะตามมา นั้นไม่ ใช่เป็นปัญหาที่น่ากังวลเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น

มีรายงานตั้งแต่ปี 1999 ในวารสาร British Medical Journal เล่มที่ 318 หน้า 563-564 โดยทีมแพทย์ผิวหนังของ มหาวิทยาลัยแพทย์ King College แห่งกรุงลอนดอน ประเทศ อังกฤษ นำโดย E M. Higgins ว่า ครีมที่อ้างว่าเป็น สมุนไพรจากจีนที่มีประสิทธิภาพในการรักษาการอักเสบของผิวหนังต่างๆนั้น ส่วนใหญ่มีการผสมสาร steroid ทั้งนี้ทีมวิจัยได้เก็บตัวอย่างครีมมาทั้งหมด 11 ชนิด จากผู้ป่วยโดยตรง เทคนิคที่ใช้ในการตรวจสอบนั้น ได้ ใช้ เทคนิคที่เรียกว่า high resolution gas chromatography and mass spectrometry

ผลจากการตรวจสอบพบว่า 8 ใน 11 ครีมมีส่วนผสมของ Dexamethasone ( สาร steroid ที่รุนแรงชนิดหนึ่ง) กว่า 500 ไมโครกรัมจาก เนื้อครีม 1 กรัม ทีมวิจัยจึงสรุปให้มีการเสนอการควบคุมที่เข็มงวดกับสารสมุนไพรจากจีนที่นำเข้า มาขายในอังกฤษ ความแรงของส่วนผสมที่พบนี้มีค่าเท่ากับการใช้สาร steroid เช่น 0.05% betamethasone valeate ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปที่มีการควบคุมโดยเภสัชกร

ไม่เพียงแต่เท่านี้ ในปี 2003 กลุ่มแพทย์ชาวอังกฤษ อีกกลุ่มหนึ่ง ของโรงพยาบาล Birmingham Children’s Hospital ก็ได้รายงานความเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องการใช้สาร steroid ในผู้ป่วยเด็กเพราะจากตัวอย่างครีมที่ได้มาจากผู้ป่วยระหว่างปี 2002-2003 ทั้งหมด 24 ตัวอย่างของครีมที่อ้างว่าเป็นครีมสมุนไพรนั้น เมื่อทำการตรวจวัดด้วยเทคนิค HPLC พบว่ามีสาร steroid ในครีมทั้งหมด 20 ชนิด โดยมีสาร steroid จำพวก clobetasol propionate , betamethasone valerate, clobetasone butyrate และ hydrocortisone ในบางรายมีความเข็มข้นถึง 20% ทั้งนี้ผู้ป่วยที่ได้รับสาร steroid โดยไม่รู้ตัวนี้มีอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 0.69 ถึง 7.98 ปี ผู้รายงานสรุปว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบความควบคุมดูแล และประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงให้ประชาชนทราบถึงความเห็นแก่ตัวโดยไม่คำนึงถึงผลร้ายที่จะเกิดกับผู้บริโภคของผู้ผลิตครีมเหล่านี้

รายงานทั้ง 2 ฉบับนี้บ่งบอกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมของแพทย์ที่มีจริยธรรม เพราะเป็นการวิจัยและรายงานจากทีมแพทย์ที่ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง

ทางนีตนาทคลินิกก็เป็นกังวลกับเรื่องนี้มากเช่นเดียวกันเพราะมีข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่าครีมรักษาสิว ฝ้าที่ประชาชนได้รับมาไม่ว่าจากแพทย์ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ผิวหนัง แพทย์ผิวพรรณ คนขายครีมทั่วไป น่าจะมีสาร steroid เจือปนมากชนิดเช่เดียวกัน

การติดตั้งเครื่อง HPLC เพื่อการตรวจวัดสาร steroid นั้นต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายกว่า 8 ล้านบาท เป็นค่าเครื่อง ค่า ห้องปฏิบัติการ ค่าน้ำยาตรวจวิเคราะห์ และค่าจ้างนักวิทยาศาสตร์ประจำห้องปฏิบัติการ หาก หน่วยงานที่รับผิดชอบลงมาเก็บยาทาสิว ฝ้าเหล่านี้มาวิเคราะห์ก็จะดีไม่น้อย สถาบันโรคผิวหนังหรือภาควิชาตจวิทยาก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง หาก ไม่มีใครทำ นีตนาทคลินิกคงจะยอมลงทุนติดตั้ง ระบบวัดนี้เองในไม่ช้านี้ เพื่อประโยชน์อะไรหรือครับ ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณอาจารย์ที่ประสิทธิประสาทวิชาผิวหนังให้มา เพื่อก่อประโยชน์ให้ส่วนรวม ไม่เช่นนั้นก็ภือเป็นการอกตัญญูต่อครูบาอาจารย์และวิชาชีพที่เรียนมานั่นเอง

ทีมวิชาการ นีตนาทคลินิก 2007

:: Share This ::