fbpx

สร้างผิวให้เป็นแวมไพร์

หมอความงามสมัยนี้คงชอบดูหนังเดี่ยวกับแวมไพร์กันมากครับ ทั้ง twilight , Blade , interview with vampire เลยติดใจพระเอกนางเอกหล่อๆ สวยๆ ผิวขาวๆ ใสๆ น่ารักๆกันทั้งนั้น แต่…………โดนแดดไม่ได้


การสร้างกระแสทำให้คนไข้เป็นแวมไพร์ คือมีผิวที่ขาวตลอดไปแต่ห้ามโดนแดด เพราะไม่งั้นจะเป็นฝ้า กระ ( ต่างจากแวมไพร์นิดนึงตรงที่โดนแดดแล้วตาย ) เป็นคุณลักษณะของผิวที่อ่อนแอ ดังนั้นการทำทรีตเมนต์ ทาครีม หรือแม้แต่เลเซอร์บางชนิดเพื่อทำให้
ผิวขาวจึงไม่ต่างอะไรกับการทำให้ผิวเสีย ผิวบางกลายเป็นแวมไพร์ ใครอยากที่จะผิวขาวใสมากๆต้องลองตรองดูนะครับ

สำหรับ SVJ ผิวขาวใสโดยปราศจากความแข็งแรงเราไม่ทำ
ขอบคุณรูปภาพจากเว็ป www.wallpaperup.com

:: Share This ::

ถนอมผิวแพ้…ก่อนสายเกินแก้

การใช้ชีวิตของผู้หญิงสมัยใหม่ในยุคปัจจุบันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไหนจะต้องดูแลเครื่องแต่งกาย ดูแลทรวดทรง รู้จักเข้าสังคม ทั้งในที่ทำงานเลยไปถึงครอบครัว

ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การแต่งหน้าที่ต้องใช้เครื่องสำอาง และปัจจัยบำรุงผิวต่างๆ ดังนั้นหากมีอาการระคายเคืองบนผิวหน้าเกิดขึ้นเมื่อใดหรือกับใคร ย่อมไม่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยแพทย์ผิวหนังต้องเป็นผู้ให้คำแนะนำและช่วยรักษาจนกว่าจะหายดี

การป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคืองจึงเป็นเรื่องที่ผู้หญิงต้องรู้เป็นอันดับแรก หากจะใช้เครื่องสำอางชนิดใหม่ให้ลองใช้บริเวณที่หากเกิดการระคายเคืองขึ้นมาก็สามารถปิดบังและประคบประหงมดูแลรักษาได้ง่าย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้ขายจะแนะนำให้ทดลองใช้ที่ใต้ท้องแขนก่อน เพราะเป็นบริเวณที่ผิวบางที่สุดรองจากผิวหน้า หากไม่เกิดอาการระคายเคืองโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองบนใบหน้าก็จะน้อยลงแต่ยังอาจมีการแพ้ได้อยู่เหมือนกัน

หากลองใช้ที่ใต้ท้องแขนแล้วเกิดอาการระคายเคืองทันทีก็หมดโอกาสและคงไม่มีใครบ้าพอที่จะแนะนำให้ซื้อไปลองใช้บนใบหน้าอย่างแน่นอน สำหรับส่วนที่แพ้ไปแล้ว การดูแลรักษาก็ง่าย เพราะในบริเวณนี้ไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มเติมสีสัน และหากจะงดเว้นการใช้ครีมและเจลล้างหน้าบ้างก็ไม่น่าจะมีเหตุให้ต้องอิดออดอะไรมาก

การทดลองที่ท้องแขนนี้มีประเด็นปลีกย่อยที่น้าจะนำเสนอเพิ่มเติมก็คือ หากคุณไม่ได้ทดลองที่ท้องแขนก่อนนำเครื่องสำอางกลับไปใช้ คือซื้อมาแล้วใช้บนใบหน้าทันที แล้วเกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ตามมา เมื่อทางบริษัทผู้ขายขอให้ท่านกลับมาทดสอบเครื่องสำอางตัวนั้นกับท้องแขนอีกทีว่าแพ้หรือไม่ก่อนที่จะรับผิดชอบนั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เพราะหากใช้กับใบหน้าแล้ว แพ้หรือไม่แพ้ ไม่ต้องพิสูจน์กันอีก เนื่องด้วยการทดสอบที่ท้องแขนอาจไม่ได้ให้ผลที่ต้องเป็นไปในทางเดียวกันเสมอไป ทั้งนี้เพราะผิวหน้ามีรูขุมขน มีน้ำมันซึ่งทำให้สารบางชนิดสามารถซึมผ่านได้ดีกว่า นอกจากนั้นผิวหน้ายังได้รับการล้างทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ ผิวเคลือบชั้นบนของผิวหนังจึงบางกว่าทำให้สารต่างๆในเครื่องสำอางสามารถซึมผ่านและก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายๆ

เมื่อเกิดอาการแพ้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่ได้ระมัดระวังป้องกันให้ดีเท่าที่ควร หรือแพ้ด้วยเหตุบังเอิญ การแก้ไขที่ปลอดภัยที่สุดคือการพักหน้า โดยไม่แต่งแต้ม หรือใช้เครื่องสำอางในบริเวณที่แพ้จนกว่าจะหายเอง ทั้งนี้เพราะการใช้เครื่องสำอางในบริเวณที่มีอาการระคายเคือง จะทำให้เกิดการระคายเคืองซ้ำซ้อนเพิ่มเติมและการล้างหน้าด้วยสารชำระล้างก็จะทำให้อาการเลวร้ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว หากสามารถพักหน้าและประคบด้วยน้ำสะอาดเซลล์ผิวจะฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็วทำให้หายได้ภายในวันเดียวหรือสองวัน
แต่หากพักหน้าสักวันแล้วยังไม่หาย แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังที่รักษาด้วยการให้รับประทานยาแก้แพ้ เน้นย้ำว่าต้องใช้การรับประทายนาแก้แพ้เท่านั้น ซึ่งอาจจะขัดกับความเข้าใจของผู้อ่านอยู่บ้าง ที่มักนิยมการใช้ยาทา ทั้งนี้เพราะยาทาเหล่านั้นเป็นสเตียรอยด์ที่มีความแรงแตกต่างกันเมื่อใช้ปุ๊บจะหายปั๊บทำให้คนใช้ติดใจ เพราะไม่ต้องพักหน้าในวันรุ่งขึ้น และสามารถแต่งหน้าได้ดังเดิม จนต้องพกพายาแก้แพ้ชนิดทาตลับโปรดติดตัวไปไหนมาไหนในที่สุดทำให้ผิวหน้าอ่อนแอ แล้วเกิดอาการติดยาทาขึ้นมา ดังนั้นนานวันเข้าจะเกิดอาการใช้เครื่องสำอางอะไรไม่ได้อีกเลย เดือดร้อนกับคนรอบข้างทุกคน
หากจะตัดสินใจต้องการทำให้ผิวหนังกลับมาฟื้นแข็งแรงก็เป็นเรื่องฝืนนิสัยของผู้ที่มักง่าย เพราะการรักษาต้องขอให้หยุดยาทาจำพวกนี้เป็นลำดับแรก แล้วต้องแก้แพ้ด้วยการพักหน้า ไม่แต่งหน้า และรับประทานยาแก้แพ้แทน หรือถึงขั้นต้องใช้แสงเลเซอร์ Vbeam(595) ช่วยในการรักษาสิ้นเปลืองทั้งระยะเวลาที่ยาวนานเป็นเดือน และค่ารักษาพยาบาลอีกมากมาย นอกจากนั้นแล้วการรักษาด้วยแสงเลเซอร์ดังกล่าวยังมีข้อจำกัดเพราะไม่สามารถรักษาผิวหนังบริเวณเปลือกตาบนได้ เพราะแสงจะเข้าตาทำให้การฟื้นฟูผิวหนังในบริเวณนี้ทำได้ยากที่สุด

ด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้การรักษาอาการระคายผิวหน้าตั้งแต่เริ่มแรก จึงควรเน้นเรื่องการใช้ยารับประทานเลยทันที และไม่น่าจะเกี่ยงงอนเรื่องการพักหน้าให้ใบหน้าหายสมบูรณ์ ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน1สัปดาห์เท่านั้น
เมื่อกลับไปรับการดูแลรักษาในทางที่สมควรแล้ว ทางดีที่สุดไม่ควรจะใช้เครื่องสำอางพร่ำเพรื่อเกินไป ในเมื่อลดการใช้เครื่องสำอางลง โอกาสเกิดอาการระคายเคืองก็จะน้อยลง การใช้ยาแก้แพ้ก็ไม่จำเป็น ผลข้างเคียงของการใช้ยาทาก็น้อยลงตามไปด้วย

จากนิตยสารผู้หญิง
ผู้เขียน นายแพทย์สมนึก อมรสิริพาณิชย์
อเมริกันบอร์ด แพทย์ผิวหนัง

:: Share This ::

5 ความเชื่อเรื่องสิว

สิวปัญหาสำคัญของวัยรุ่นเกือบทุกคน มากกว่า90%ของคนบนโลกต้องเคยเป็นสิวดังนั้นจึงมีความเชื่อในการรักษาสิวเกิดขึ้นตามมาอย่างมากมาย คนไข้ที่เข้ามาพบหมอมักมีคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในการรักษาสิวยกตัวอย่างเช่น การทานอาหาร การล้างหน้า ความเครียด การนอนพักผ่อน ว่ามีผลต่อเม็ดสิวหรือไม่ ?? บังเอิญหมอได้อ่านงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stanford California เป็นงานวิจัยเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องการรักษาสิวซึ่งหมอคิดว่ามีประเด็นที่น่าสนใจหลายประเด็นที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง
ความเชื่อเรื่องสิวในบางเรื่องอาจนำไปสู่ผลที่ตามมาในทางไม่ดีเช่น การเกิดรอยแผลเป็น หรือ รอยดำ ดังนั้นหลังจากอ่านบทความนี้หมอเชื่อว่าจะทำให้ผู้อ่านดูแลเรื่องสิวได้ดีขึ้นไม่มากก็น้อยครับ

01.

91.3% การดูแลสุขอนามัยที่ดีจะทำให้ลดการเกิดสิว

ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าการดูแลสุขอนามัยที่ดี เช่น การใช้สบู่ การดูแลความมันบนใบหน้าจะทำให้ลดการเกิดสิว
FACT ยังไม่มีข้อสรุปที่บอกว่าการดูแลผิวพรรณให้สะอาดอยู่ตลอดเวลาจะช่วยลดการเกิดสิวซ้ำร้ายหากการดูแลความสะอาดนั้นอาจทำให้เกิดสิวเพิ่มมากขึ้นด้วยหากดูแลผิดวิธียกตัวอย่างเช่น การใช้สบู่ที่มีฤทธิ์ในการชำระล้างที่สูงเกินไป การใช้มือถูนวดใบหน้ามากเกินไป

02

59.2% การล้างหน้าช่วยทำให้ลดการเกิดสิว

ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าการล้างหน้าบ่อยๆช่วยลดการเกิดสิว
FACT การล้างหน้าที่มากเกินไปร่วมกับการขัดถูจะทำให้สิวแย่ลง โดยการกระทำเช่นนี้อาจทำให้เกิดสิวอักเสบหรือรอยดำจากสิวขึ้นมาได้ เคยมีการทดลองเปรียบเทียบการรักษาสิวโดยแบ่งเป็นกลุ่มAพยายามรักษาสิวโดยทำให้ผิวแห้งที่สุด กลุ่มBรักษาตามปกติ กลุ่มCรักษาโดยพยายามหลีกเลี่ยงน้ำ ผลที่ได้คือ กลุ่ม BและC ให้ผลที่ดีกว่าการรักษาที่ทำให้ใบหน้าแห้ง

03

88.3% การแตะจับใบหน้าบ่อยๆมีผลทำให้สิวแย่ลงหรือไม่

ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าการแตะจับใบหน้าบ่อยๆมีผลทำให้สิวลง
FACT การแตะจับผิวหน้าบ่อยๆ เกิดการระคายเคืองของผิวหนังทำให้เกิดสิว เป็นความเชื่อที่ถูกต้องแต่หมอจะเพิ่มเติมคือการนวดหน้า ทำทรีตเมนท์ต่างๆทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน

04

85.4% การแกะสิวหรือกดสิว

ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าทำให้สิวแย่ลง
FACT ถูกต้องการแกะสิวและการกดสิวทำให้เกิดสิวและซ้ำร้ายยังทำให้มีรอยแผลเป็นจากสิวอีกด้วยฉะนั้นหลักการที่จะทำให้หัวสิวหลุดออกไปโดยเร็วที่สุดนั้นไม่ถูกต้อง หมอขอเสริมว่าการใช้น้ำกรดแต้มก็ไม่ได้ช่วยการรักษาสิว

05

69.9% การรับประทานอาหาร

ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าอาหารบางอย่างทำให้เกิดสิว
FACT ก่อนหน้านี้แพทย์บางส่วนไม่เชื่อว่าการทานอาหารมีผลต่อการเกิดสิว แต่ในปัจจุบันมีการรายงานอาหารที่เกิดสิวมากขึ้นส่วนมากเป็นอาหารของชาวตะวันตกที่มีส่วนผสมของนมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมเช่น เนย sherbet ครีมต่างๆ ปัจจุบันวัยรุ่นไทยก็นิยมอาหารFast food เค้ก ขนมปังมากขึ้นจึงทำให้อัตราเกิดสิวมากขึ้น

:: Share This ::