fbpx

ถนอมผิวแพ้…ก่อนสายเกินแก้

การใช้ชีวิตของผู้หญิงสมัยใหม่ในยุคปัจจุบันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไหนจะต้องดูแลเครื่องแต่งกาย ดูแลทรวดทรง รู้จักเข้าสังคม ทั้งในที่ทำงานเลยไปถึงครอบครัว

ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การแต่งหน้าที่ต้องใช้เครื่องสำอาง และปัจจัยบำรุงผิวต่างๆ ดังนั้นหากมีอาการระคายเคืองบนผิวหน้าเกิดขึ้นเมื่อใดหรือกับใคร ย่อมไม่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยแพทย์ผิวหนังต้องเป็นผู้ให้คำแนะนำและช่วยรักษาจนกว่าจะหายดี

การป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคืองจึงเป็นเรื่องที่ผู้หญิงต้องรู้เป็นอันดับแรก หากจะใช้เครื่องสำอางชนิดใหม่ให้ลองใช้บริเวณที่หากเกิดการระคายเคืองขึ้นมาก็สามารถปิดบังและประคบประหงมดูแลรักษาได้ง่าย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้ขายจะแนะนำให้ทดลองใช้ที่ใต้ท้องแขนก่อน เพราะเป็นบริเวณที่ผิวบางที่สุดรองจากผิวหน้า หากไม่เกิดอาการระคายเคืองโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองบนใบหน้าก็จะน้อยลงแต่ยังอาจมีการแพ้ได้อยู่เหมือนกัน

หากลองใช้ที่ใต้ท้องแขนแล้วเกิดอาการระคายเคืองทันทีก็หมดโอกาสและคงไม่มีใครบ้าพอที่จะแนะนำให้ซื้อไปลองใช้บนใบหน้าอย่างแน่นอน สำหรับส่วนที่แพ้ไปแล้ว การดูแลรักษาก็ง่าย เพราะในบริเวณนี้ไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มเติมสีสัน และหากจะงดเว้นการใช้ครีมและเจลล้างหน้าบ้างก็ไม่น่าจะมีเหตุให้ต้องอิดออดอะไรมาก

การทดลองที่ท้องแขนนี้มีประเด็นปลีกย่อยที่น้าจะนำเสนอเพิ่มเติมก็คือ หากคุณไม่ได้ทดลองที่ท้องแขนก่อนนำเครื่องสำอางกลับไปใช้ คือซื้อมาแล้วใช้บนใบหน้าทันที แล้วเกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ตามมา เมื่อทางบริษัทผู้ขายขอให้ท่านกลับมาทดสอบเครื่องสำอางตัวนั้นกับท้องแขนอีกทีว่าแพ้หรือไม่ก่อนที่จะรับผิดชอบนั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เพราะหากใช้กับใบหน้าแล้ว แพ้หรือไม่แพ้ ไม่ต้องพิสูจน์กันอีก เนื่องด้วยการทดสอบที่ท้องแขนอาจไม่ได้ให้ผลที่ต้องเป็นไปในทางเดียวกันเสมอไป ทั้งนี้เพราะผิวหน้ามีรูขุมขน มีน้ำมันซึ่งทำให้สารบางชนิดสามารถซึมผ่านได้ดีกว่า นอกจากนั้นผิวหน้ายังได้รับการล้างทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ ผิวเคลือบชั้นบนของผิวหนังจึงบางกว่าทำให้สารต่างๆในเครื่องสำอางสามารถซึมผ่านและก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายๆ

เมื่อเกิดอาการแพ้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่ได้ระมัดระวังป้องกันให้ดีเท่าที่ควร หรือแพ้ด้วยเหตุบังเอิญ การแก้ไขที่ปลอดภัยที่สุดคือการพักหน้า โดยไม่แต่งแต้ม หรือใช้เครื่องสำอางในบริเวณที่แพ้จนกว่าจะหายเอง ทั้งนี้เพราะการใช้เครื่องสำอางในบริเวณที่มีอาการระคายเคือง จะทำให้เกิดการระคายเคืองซ้ำซ้อนเพิ่มเติมและการล้างหน้าด้วยสารชำระล้างก็จะทำให้อาการเลวร้ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว หากสามารถพักหน้าและประคบด้วยน้ำสะอาดเซลล์ผิวจะฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็วทำให้หายได้ภายในวันเดียวหรือสองวัน
แต่หากพักหน้าสักวันแล้วยังไม่หาย แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังที่รักษาด้วยการให้รับประทานยาแก้แพ้ เน้นย้ำว่าต้องใช้การรับประทายนาแก้แพ้เท่านั้น ซึ่งอาจจะขัดกับความเข้าใจของผู้อ่านอยู่บ้าง ที่มักนิยมการใช้ยาทา ทั้งนี้เพราะยาทาเหล่านั้นเป็นสเตียรอยด์ที่มีความแรงแตกต่างกันเมื่อใช้ปุ๊บจะหายปั๊บทำให้คนใช้ติดใจ เพราะไม่ต้องพักหน้าในวันรุ่งขึ้น และสามารถแต่งหน้าได้ดังเดิม จนต้องพกพายาแก้แพ้ชนิดทาตลับโปรดติดตัวไปไหนมาไหนในที่สุดทำให้ผิวหน้าอ่อนแอ แล้วเกิดอาการติดยาทาขึ้นมา ดังนั้นนานวันเข้าจะเกิดอาการใช้เครื่องสำอางอะไรไม่ได้อีกเลย เดือดร้อนกับคนรอบข้างทุกคน
หากจะตัดสินใจต้องการทำให้ผิวหนังกลับมาฟื้นแข็งแรงก็เป็นเรื่องฝืนนิสัยของผู้ที่มักง่าย เพราะการรักษาต้องขอให้หยุดยาทาจำพวกนี้เป็นลำดับแรก แล้วต้องแก้แพ้ด้วยการพักหน้า ไม่แต่งหน้า และรับประทานยาแก้แพ้แทน หรือถึงขั้นต้องใช้แสงเลเซอร์ Vbeam(595) ช่วยในการรักษาสิ้นเปลืองทั้งระยะเวลาที่ยาวนานเป็นเดือน และค่ารักษาพยาบาลอีกมากมาย นอกจากนั้นแล้วการรักษาด้วยแสงเลเซอร์ดังกล่าวยังมีข้อจำกัดเพราะไม่สามารถรักษาผิวหนังบริเวณเปลือกตาบนได้ เพราะแสงจะเข้าตาทำให้การฟื้นฟูผิวหนังในบริเวณนี้ทำได้ยากที่สุด

ด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้การรักษาอาการระคายผิวหน้าตั้งแต่เริ่มแรก จึงควรเน้นเรื่องการใช้ยารับประทานเลยทันที และไม่น่าจะเกี่ยงงอนเรื่องการพักหน้าให้ใบหน้าหายสมบูรณ์ ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน1สัปดาห์เท่านั้น
เมื่อกลับไปรับการดูแลรักษาในทางที่สมควรแล้ว ทางดีที่สุดไม่ควรจะใช้เครื่องสำอางพร่ำเพรื่อเกินไป ในเมื่อลดการใช้เครื่องสำอางลง โอกาสเกิดอาการระคายเคืองก็จะน้อยลง การใช้ยาแก้แพ้ก็ไม่จำเป็น ผลข้างเคียงของการใช้ยาทาก็น้อยลงตามไปด้วย

จากนิตยสารผู้หญิง
ผู้เขียน นายแพทย์สมนึก อมรสิริพาณิชย์
อเมริกันบอร์ด แพทย์ผิวหนัง

:: Share This ::

แสงกับสิว

มีคำถามว่าแสงแดดมีประโยชน์หรือไม่??

มีครับและมีประโยชน์อย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆโดยหลักการสะท้อนแสง ช่วยในการเก็บถนอมอาหารและฆ่าเชื้อโรคดังการทำกล้วยตาก ช่วยในการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ ช่วยสร้างวิตามินดีในร่างกายมนุษย์ และอื่นๆอีกมากมาย

เมื่อความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีมากขึ้นมีการนำแสงแต่ละสเปกตรัมมาใช้ประโยชน์ในแง่ต่างๆเช่น การใช้แสงฆ่าเชื้อโรค การตรวจบาร์โคดด้วยแสงอินฟาเรด จะเห็นได้ว่าแสงเข้ามามีส่วนร่วมกับวิถีชีวิตของคนมากขึ้นนอกเหนือไปจากการให้แสงสว่างในการมอง

ในเรื่องของแสงกับสิว ในขณะนี้ได้มีการนำแสงในจุดคลื่นอินฟาเรด ( SmoothBeam ) ซึ่งปลอดภัยไม่ทำให้เกิดผิวไหม้หรือมะเร็งผิวหนังดั่งเช่นแสงอัลตราไวโอเลต มาใช้ในการดูแลรักษาสิวและรอยแผลเป็นของสิวโดยหลักการที่ว่าแสงอินฟาเรดจะไปทำให้เกิดความร้อนใต้ผิวหนังนำไปสู่การฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นบ่อเกิดของสิว ทำให้การอักเสบของสิวลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลักการนำแสงอินฟาเรดมาใช้ในการรักษาดูแลเกี่ยวกับปัญหาผิวหนังนั้นได้มีการทดลองและประเมินประสิทธิภาพว่าปลอดภัยเห็นผลได้จริงจากองค์การอาหารและยาจากสหรัฐอเมริกาประเทศที่ได้ชื่อว่ามาตรฐานทางการแพทย์สูงที่สุดใหนโลก

โดยสรุปแล้วการรักษาสิวด้วยแสงถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่น่าจับตามอง หากสามารถนำมาทดแทนการรักษาโดยวิธีเดิมๆเช่นการทานยาแก้อักเสบ การทานกรดวิตามินเอซึ่งส่งผลทำให้เกิดการสะสมและเกิดผลข้างเคียงของยาได้

:: Share This ::