fbpx

ถนอมผิวแพ้…ก่อนสายเกินแก้

การใช้ชีวิตของผู้หญิงสมัยใหม่ในยุคปัจจุบันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไหนจะต้องดูแลเครื่องแต่งกาย ดูแลทรวดทรง รู้จักเข้าสังคม ทั้งในที่ทำงานเลยไปถึงครอบครัว

ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การแต่งหน้าที่ต้องใช้เครื่องสำอาง และปัจจัยบำรุงผิวต่างๆ ดังนั้นหากมีอาการระคายเคืองบนผิวหน้าเกิดขึ้นเมื่อใดหรือกับใคร ย่อมไม่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยแพทย์ผิวหนังต้องเป็นผู้ให้คำแนะนำและช่วยรักษาจนกว่าจะหายดี

การป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคืองจึงเป็นเรื่องที่ผู้หญิงต้องรู้เป็นอันดับแรก หากจะใช้เครื่องสำอางชนิดใหม่ให้ลองใช้บริเวณที่หากเกิดการระคายเคืองขึ้นมาก็สามารถปิดบังและประคบประหงมดูแลรักษาได้ง่าย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้ขายจะแนะนำให้ทดลองใช้ที่ใต้ท้องแขนก่อน เพราะเป็นบริเวณที่ผิวบางที่สุดรองจากผิวหน้า หากไม่เกิดอาการระคายเคืองโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองบนใบหน้าก็จะน้อยลงแต่ยังอาจมีการแพ้ได้อยู่เหมือนกัน

หากลองใช้ที่ใต้ท้องแขนแล้วเกิดอาการระคายเคืองทันทีก็หมดโอกาสและคงไม่มีใครบ้าพอที่จะแนะนำให้ซื้อไปลองใช้บนใบหน้าอย่างแน่นอน สำหรับส่วนที่แพ้ไปแล้ว การดูแลรักษาก็ง่าย เพราะในบริเวณนี้ไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มเติมสีสัน และหากจะงดเว้นการใช้ครีมและเจลล้างหน้าบ้างก็ไม่น่าจะมีเหตุให้ต้องอิดออดอะไรมาก

การทดลองที่ท้องแขนนี้มีประเด็นปลีกย่อยที่น้าจะนำเสนอเพิ่มเติมก็คือ หากคุณไม่ได้ทดลองที่ท้องแขนก่อนนำเครื่องสำอางกลับไปใช้ คือซื้อมาแล้วใช้บนใบหน้าทันที แล้วเกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ตามมา เมื่อทางบริษัทผู้ขายขอให้ท่านกลับมาทดสอบเครื่องสำอางตัวนั้นกับท้องแขนอีกทีว่าแพ้หรือไม่ก่อนที่จะรับผิดชอบนั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เพราะหากใช้กับใบหน้าแล้ว แพ้หรือไม่แพ้ ไม่ต้องพิสูจน์กันอีก เนื่องด้วยการทดสอบที่ท้องแขนอาจไม่ได้ให้ผลที่ต้องเป็นไปในทางเดียวกันเสมอไป ทั้งนี้เพราะผิวหน้ามีรูขุมขน มีน้ำมันซึ่งทำให้สารบางชนิดสามารถซึมผ่านได้ดีกว่า นอกจากนั้นผิวหน้ายังได้รับการล้างทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ ผิวเคลือบชั้นบนของผิวหนังจึงบางกว่าทำให้สารต่างๆในเครื่องสำอางสามารถซึมผ่านและก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายๆ

เมื่อเกิดอาการแพ้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่ได้ระมัดระวังป้องกันให้ดีเท่าที่ควร หรือแพ้ด้วยเหตุบังเอิญ การแก้ไขที่ปลอดภัยที่สุดคือการพักหน้า โดยไม่แต่งแต้ม หรือใช้เครื่องสำอางในบริเวณที่แพ้จนกว่าจะหายเอง ทั้งนี้เพราะการใช้เครื่องสำอางในบริเวณที่มีอาการระคายเคือง จะทำให้เกิดการระคายเคืองซ้ำซ้อนเพิ่มเติมและการล้างหน้าด้วยสารชำระล้างก็จะทำให้อาการเลวร้ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว หากสามารถพักหน้าและประคบด้วยน้ำสะอาดเซลล์ผิวจะฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็วทำให้หายได้ภายในวันเดียวหรือสองวัน
แต่หากพักหน้าสักวันแล้วยังไม่หาย แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังที่รักษาด้วยการให้รับประทานยาแก้แพ้ เน้นย้ำว่าต้องใช้การรับประทายนาแก้แพ้เท่านั้น ซึ่งอาจจะขัดกับความเข้าใจของผู้อ่านอยู่บ้าง ที่มักนิยมการใช้ยาทา ทั้งนี้เพราะยาทาเหล่านั้นเป็นสเตียรอยด์ที่มีความแรงแตกต่างกันเมื่อใช้ปุ๊บจะหายปั๊บทำให้คนใช้ติดใจ เพราะไม่ต้องพักหน้าในวันรุ่งขึ้น และสามารถแต่งหน้าได้ดังเดิม จนต้องพกพายาแก้แพ้ชนิดทาตลับโปรดติดตัวไปไหนมาไหนในที่สุดทำให้ผิวหน้าอ่อนแอ แล้วเกิดอาการติดยาทาขึ้นมา ดังนั้นนานวันเข้าจะเกิดอาการใช้เครื่องสำอางอะไรไม่ได้อีกเลย เดือดร้อนกับคนรอบข้างทุกคน
หากจะตัดสินใจต้องการทำให้ผิวหนังกลับมาฟื้นแข็งแรงก็เป็นเรื่องฝืนนิสัยของผู้ที่มักง่าย เพราะการรักษาต้องขอให้หยุดยาทาจำพวกนี้เป็นลำดับแรก แล้วต้องแก้แพ้ด้วยการพักหน้า ไม่แต่งหน้า และรับประทานยาแก้แพ้แทน หรือถึงขั้นต้องใช้แสงเลเซอร์ Vbeam(595) ช่วยในการรักษาสิ้นเปลืองทั้งระยะเวลาที่ยาวนานเป็นเดือน และค่ารักษาพยาบาลอีกมากมาย นอกจากนั้นแล้วการรักษาด้วยแสงเลเซอร์ดังกล่าวยังมีข้อจำกัดเพราะไม่สามารถรักษาผิวหนังบริเวณเปลือกตาบนได้ เพราะแสงจะเข้าตาทำให้การฟื้นฟูผิวหนังในบริเวณนี้ทำได้ยากที่สุด

ด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้การรักษาอาการระคายผิวหน้าตั้งแต่เริ่มแรก จึงควรเน้นเรื่องการใช้ยารับประทานเลยทันที และไม่น่าจะเกี่ยงงอนเรื่องการพักหน้าให้ใบหน้าหายสมบูรณ์ ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน1สัปดาห์เท่านั้น
เมื่อกลับไปรับการดูแลรักษาในทางที่สมควรแล้ว ทางดีที่สุดไม่ควรจะใช้เครื่องสำอางพร่ำเพรื่อเกินไป ในเมื่อลดการใช้เครื่องสำอางลง โอกาสเกิดอาการระคายเคืองก็จะน้อยลง การใช้ยาแก้แพ้ก็ไม่จำเป็น ผลข้างเคียงของการใช้ยาทาก็น้อยลงตามไปด้วย

จากนิตยสารผู้หญิง
ผู้เขียน นายแพทย์สมนึก อมรสิริพาณิชย์
อเมริกันบอร์ด แพทย์ผิวหนัง

:: Share This ::

SVJ มีความหมายอย่างไร

การตั้งชื่อคลินิกมีความสำคัญมาก โดยส่วนใหญ่แล้วมักตั้งตามชื่อแพทย์ ชื่อสถานที่ตั้ง มีคนไข้มาถามหมอว่าแล้ว SVJ ตั้งมากจากอะไร??

SVJ มีความหมายว่า SmoothBeam Vbeam Join เนื่องจากSVJมีพื้นฐานการรักษาสิวโดยการใช้แสงเลเซอร์ 2 ชนิดนี้มาเป็นเวลานาน SVJ พบว่าการรักษาสิวด้วยเลเซอร์เพียงชนิดเดียว ไม่สามารถขจัดปัญหาสิวไปได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงต้องมีการผสมผสานการรักษาสิวด้วยแสงถึง2 ชนิดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้ง SVJ ได้พัฒนาเทคนิคการรักษาโรคผิวหนังต่างๆด้วยเลเซอร ์2 ชนิดนี้ โดยได้รับความสนใจจาก Dr. Dillip( R&D Candela company) และ Dr. Kathleen Mcmillan ( Vice President Candela Corp.) มาเยี่ยมชมและร่วมพัฒนางานวิจัยร่วมกัน สิ่งเหล่านี้ยืนยันในการพัฒนางานที่ดีที่สุดเพื่อคนไข้ SVJ

ไร้สิว ไร้รอยแผลเป็น และปลอดภัย ต้องที่ SVJ LASER CENTER สยามสแควร์

:: Share This ::

IPL ไม่ใช่เลเซอร์

คนไทยสมัยใหม่เก่งติดตามข้อมูลข่าวสารมาก และสนอกสนใจวิชาการทางการแพทย์มากขึ้น สังเกตได้ว่ามักจะมีคำถามแปลกใหม่มาถามอยู่เป็นประจำ ทำให้แพทย์ที่ไม่ติดตามข้อมูลให้ทันสมัยอาจจะพบความลำบากใจ ซึ่งตรงกับที่เคยพยากรณ์ไว้ว่าในยุคข้อมูลข่าวสารนี้หากแพทย์ท่านใดไม่ขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมก็จะล้าสมัยและตามคนไข้ไม่ทัน ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ อย่างไรก็ดีข้อมูลที่ผู้บริโภคได้รับนั้นหากเป็นข้อมูลที่ใหม่จริง ๆ ก็จะมีความสับสนและคลาดเคลื่อนอยู่พอสมควร จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่แพทย์จะต้องให้ความกระจ่างและชี้แจงให้เข้าใจในสาระที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้ความสับสนนั้นแพร่กระจายออกไป ตัวอย่างที่จะนำมาให้ได้รับทราบนั้นก็คือ เรื่อง IPL ไม่ใช่เลเซอร์
(It looks like smells like and feels like but it is not.) แสงที่นำมาใช้ในการรักษาผิวพรรณผิวหนังและความงามนั้น ควรจำแนกออกเป็นแสง Laser และแสง IPL

แสงเลเซอร์เป็นแสงที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ จะเป็นแสงช่วงคลื่นเดียว หากต้องการใช้แสงเลเซอร์ สอง ช่วงคลื่นก็ต้องมีเลเซอร์สองตัว แสงเลเซอร์ทุกช่วงคลื่นจะมีการเคลื่อนตัวของแสงแบบไม่แตกกระจายตัว ดังที่เราจะเห็นว่าเวลาเราใช้แสงเลเซอร์เป็นพอยเตอร์เราจะเห็นเป็นจุดสีแดง เวลาที่วิทยากรนำไปใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบการบรรยายต่าง ๆ แสงนั้นจะมีความคมและสามรถเดินทางได้ไกล โดยที่ลำแสงไม่แตกกระจายออกไปคุณสมบัติเช่นนี้จะไม่เห็นในแสงอื่น เช่นไฟฉายเมื่อเราฉายไฟฉายออกไปไกลเท่าใด ลำแสงก็จะแตกกระจายตัวมาเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถโฟกัสได้ หากเราไปยืนขวางแสงไฟฉายหรือแสงที่มาจากไฟตามถนน เราจะเห็นว่ามีเงามืดและเงามัว

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราเอาวัตถุไปขวางแสงเลเซอร์จะเกิดเงาที่เป็นเงามือ และมีขอบมีความคมชัดเท่านั้น ดังนั้น ประโยชน์โดยตรงของแสงเลเซอร์ก็คือ เราสามารถมั่นใจได้ว่าแสงที่เราใช้นั้นเป็นแสงที่ได้มาตรฐานมีช่วงคลื่น
จำนวนพลังงานและเวลาที่แสงต้องวิ่งผ่านผิวหนังจะมีการหักเหคงที่ พื้นที่ที่ได้รับแสงเลเซอร์จะได้รับเสมอกัน ทำให้ผลที่ได้สามารถทำซ้ำได้ทุกครั้ง ข้อเสียของแสงเลเซอร์ก็คือเทคโนโลยีราคาแพงและ การผลิตเครื่องเลเซอร์ให้มีลำแสงกว้างมากทำได้ยาก

ส่วนเครื่อง IPL แสงที่เกิดจาก IPL เป็นแสงที่มีคุณสมบัติเหมือนกับแสงทั่วไป ไม่มีลักษณะเฉพาะของแสงเลเซอร์ ดังนั้นเมื่อใช้แสง IPL จะได้ช่วงคลื่นแสงที่รวมๆ เช่น 400-1400 nm วิธีแก้ปัญหาก็คือใช้ผลึกกรองแสงที่ต่ำกว่าออก เช่นหากต้องการใช้ช่วงคลื่นที่เท่ากับแสงเลเซอร์ช่วงคลื่น 595 nmเพื่อรักษารอยแดงจากสิวให้เหมือน Vbeam ก็ต้องใช้ผลึกกั้นและกรองแสงที่ต่ำกว่า 590 ดังนั้นจะได้แสงที่เหลือ ระหว่าง 590-1400 nm การรักษาจึงได้แสงรวม หากต้องการพลังงานของช่วงคลื่นช่วงคลื่น 590 เพียง5หน่วยกลับต้องปรับพลังงานของแสง IPLขึ้นไปถึง 258-30 หน่วย เพราะใน 25-30 หน่วยนั้นจะได้แสงช่วงคลื่น 590 ประมาณ5หน่วย เมื่อเป็นนี้ส่วนเกินที่ได้ก็จะก่อให้เกิดปัญหา มีผลข้างเคียงได้ง่าย อย่างไรก็ดีผู้ที่มีความสามารถมากๆก็อาจจะมีความชำนาญที่จะปรับทำให้ไม่เกิดปัญหา มีผลข้างเคียงก็เป็นได้ แต่ต้องระมัดระวังอย่างมากทีเดียว นอกจากนั้นแสง IPL ที่มีหลายช่วงคลื่นนี้ จะแตกกระจายตัวเหมือนแสงจากไฟฉาย ดังนั้นการใช้แสง IPL จึงจำเป็นจะต้องให้แนบกับผิวหนังมากที่สุด และต้องใช้เจลเพื่อโฟกัสแสงให้แตกกระจายตัวน้อยลง การแก้ปัญหาเช่นนี้ทำให้เกิดโอกาสที่หัวผลึกนำแสงของIPLมีสิทธิสัมผัสกับผิวหนังได้ง่าย หัวผลึกนี้ทำหน้าที่เป็นตัวกั้นแสงจึงมีความร้อนสะสมอยู่ในตัวสูงมากหากสัมผัสผิวก็จะเกิดอาการไหม้ทันที เจลที่ใช้เลยต้องมีการทำให้เย็น แต่ความเย็นนี้ค่อยๆหมดไปทุกครั้งที่มีการยิงแสงออกมา เพราะความร้อนที่กระจายออกจากหัวผลึกของแสงIPLนั่นเองที่ทำให้ความเย็นของเจลลดลง การใช้แสง IPL จึงยุ่งยากมากกับการต้องใช้เจลเย็นบีบผสมลงไปบนผิวหนังบ่อยๆ หัวผลึกกั้นแสง IPL จึงต้องมีขนาดใหญ่เพื่อลดการสะสมหากเจลเย็นไม่พอจะทำให้ผิวหนังไหม้ได้ จึงเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับเครื่องเลเซอร์ที่ว่า เครื่องเลเซอร์ทำเป็นหัวใหญ่ยาก ส่วนใหญ่จะเป็นหัวเล็กทำให้แสงเลเซอร์นั้นเล็ก แต่ของ IPL นั้นหัวยิ่งใหญ่ยิ่งผลิตง่าย จุดนี้ทำให้หลายคนเข้าผิด เมื่อต้องการถอนขนถาวรว่า IPL ที่มีหัวใหญ่สามารถทำให้การรักษาได้เร็วกว่า ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่เฉียบแหลมเพราะเอาจุดอ่อนออกมาทำเป็นจุดแข็ง หัวที่ว่าใหญ่นี้อาจจะใหญ่ถึง4-5เซ็นติเมตร

นอกจากนั้นแสง IPL ที่แทรกซึมผ่านลงไปบนผิวหนังก็ไม่มีคุณสมบัติของแสงเลเซอร์ที่กระจายตัวสม่ำเสมอ ผลที่ได้ในบริเวณที่ฉายแสงจึงไม่มีทางที่จะเสมอกันได้เลย เมื่อเป็นเช่นนั้นการรักษาผิวหนังด้วย IPL เช่น รักษารอยแดงสิว หน้าใสหรือการถอนขนถาวร จึงมักต้องใช้จำนวนครั้งที่มากกว่าเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากกว่า แล้วอย่างนั้นทำไมแพทย์จึงใช้เครื่องIPL คำตอบก็คงเพราะคิดว่าราคาถูกและคงจะเชื่อรายงานวิชาการต่างๆว่ามีประสิทธิภาพใช้งานได้ดีโดยลืมตระหนักถึงโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียง และเห็นว่าการลงทุนกับเครื่อง IPL 1 เครื่อง เหมือนการได้เครื่องเลเซอร์ครบทุกเครื่อง จึงคิดว่าเป็นการลงทุนที่ฉลาดแต่ความจริงก็คือ การลงทุนนั้นไม่ได้เครื่องเลเซอร์เลยแม้แต่เครื่องเดียว อย่างไรก็ดี เครื่อง IPL ก็เป็นเครื่องทีทีประสิทธิภาพที่ได้รับการรับรองเพียงแต่ไม่ใช่เลเซอร์ ไม่ได้ดีกว่า และไม่ได้ปลอดภัยกว่า ในทางตรงกันข้ามเลเซอร์ที่เหมาะกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะเป็นเครื่องที่น่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าและปลอดภัยกว่าผู้เขียนคิดว่าหลักวิชาการนี้ยืนยันเช่นนั้นจริงๆ

ภาพผลข้างเคียงจาก IPL รูปแบบต่างๆ


รอยด่างขาวที่เกิดจากการใช้ IPL รักษาสิว ( Post inflammatory Hypo pigmentation )

:: Share This ::

การดูแลโรคสะเก็ดเงินด้วยเลเซอร์

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ข่าวสารความรู้จากนีตนาทคลินิกกันนะคะ วันนี้ขอนำเสนอความรู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังอีกชนิด หนึ่งที่พบกันบ่อยและที่สำคัญโรคนี้มีผลต่อสภาพจิตใจของผู้ที่เป็นโรคนี้และผู้ใกล้ชิดเป็นอย่างมาก เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้พร้อมๆ กันเลยนะคะ ชื่อภาษาอังกฤษคือ โรค Psoriasis หรือที่เรียกกันว่าโรคสะเก็ดเงินนั่นเองค่ะ

โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด พบถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ค่ะ ผื่นจะเป็นบริเวณหนังศีรษะ แขน ขา ลำตัว พบมากตามข้อศอก หัวเข่า โรคนี้พบความผิดปกติได้ทั้งที่ผิวหนัง ศีรษะ เล็บ และข้อ ลักษณะที่ผิวหนังจะพบเป็นผื่นนูนแดง ขอบเขตชัดเจน มีสะเก็ดสีขาวเงิน ซึ่งติดค่อนข้างแน่น และที่สำคัญปัจจัยที่ทำให้โรคเป็นมากขึ้นหรือกำเริบขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การติดเชื้อ , การเกาหรืการขูดข่วนที่ทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง , ยาบางชนิด , ความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยกระตุ้นได้ค่ะ

การรักษาในปัจจุบันแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ ยาทา , ยากิน , ฉายแสง (UVB phototherapy , PUVA) เนื่องจากโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่เรื้อรัง เพราะฉะนั้นการใช้ยาที่มีผลข้างเคียงมากติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจมีอันตรายได้ค่ะ ดังนั้นเราจึงหาวิธีการหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงระยะยาวจากการใช้ยาตัวใดตัวหนึ่งเป็นประจำ
มาใช้วิธีการรักษาโรคนี้โดยการใช้แสงเลเซอร์ ( Pulsed dye laser ) ซึ่งทางนีตนาทคลินิกได้นำวิธีนี้มารักษาร่วมด้วยนะคะ มีรายงานทางการแพทย์พบว่าวิธีการรักษาด้วยเลเซอร์( Pulsed dye laser )ผลที่ได้มีประสิทธิภาพที่ดีค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม การพิจารณาการเลือกวิธีการรักษาโรคสะเก็ดเงินยังขึ้นกับอีกหลายปัจจัยนะคะ ยกตัวอย่าง
เช่น ชนิดและความรุนแรงของโรค , บริเวณที่เป็น , สุขภาพทั่วไปของผู้ป่วยว่ามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง รับประทานยาอะไรอยู่บ้าง เป็นต้น

:: Share This ::

มาตรฐานของเลเซอร์ในปัจจุบัน

วันนี้มีคนไข้เดินเข้ามาถามหมอว่า เลเซอร์ที่ได้มาตรฐานคืออะไร ?? เลเซอร์นำมาใช้มากขึ้นในด้านการรักษาโรคทางผิวหนังโดยเฉพาะทางด้านความสวย งาม เลเซอร์ในปัจจุบันมีนับร้อยๆเครื่องขนาดหมอเองยังต้อง update ถึงเทคโนโลยีเลเซอร์รุ่นใหม่ๆทุกสัปดาห์เลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อเลเซอร์มีมากมายหลายชนิดให้เลือก หลักการใดล่ะที่จะเป็นการชี้วัดถึงคุณภาพของเลเซอร์

เลเซอร์ที่ดีต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1. ต้องผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา
โดยอย่างน้อยที่สุดต้องผ่านอย. ไทยจะได้ไม่เป็นเลเซอร์ผีผิดกฎหมาย และถ้าผ่านอย. สหรัฐอเมริกาหรือ FDA USA จะยิ่งดีใหญ่เพราะมาตรฐานทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาถือว่าเป็นผู้นำเบอร์1 ในทางการแพทย์ หรือจะเป็นมาตรฐาน CE ของทางยุโรปก็ดีไม่น้อย ดังนั้นก่อนทำเลเซอร์จึงควรพิจารณาถึงหลักเกณฑ์อย. เป็นลำดับแรกเปรียบเสมือนซื้ออาหารก็ต้องดู อย. ก่อน

2. พิจารณาถึงคุณสมบัติของเลเซอร์ชนิดนั้นใน Google
ปัจจุบันการสืบค้นข้อมูลทาง internet เป็นแหล่งข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนทำเลเซอร์ชนิดใดก็สามารถเข้า internet ทาง www.google.com เพื่อค้นหาข้อมูล เลเซอร์ที่มีมาตรฐานทุกเครื่องจะสามารถสืบค้นทาง internet ได้ทุกเครื่องเช่น Vbeam, SmoothBeam, GentleYAG, Thermage, Fraxel เมื่อsearch ใน Google จะพบข้อมูลไม่ต่ำกว่า100 เวปไซต์

3. แหล่งผลิตเครื่องก็สำคัญ
เลเซอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสูงดังนั้นมีไม่กี่ประเทศในโลกที่สามารถผลิตเลเซอร์ได้

สหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีทันมัยที่สุด หลายบริษัทเป็นบริษัทมหาชนอยู่ในตลาดหุ้น Down Jones
ยุโรป เช่น ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เริ่มสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีเลเซอร์มากขึ้น
อิสราเอล มีนักวิทยาศาสตร์เก่งๆหลายท่านที่เริ่มผลิตเลเซอร์
เกาหลี ประเทศในเอเซียมีข้อดีคือราคาถูก
จีน ประเทศในเอเซียมีข้อดีคือราคาถูก
ดังนั้นก่อนการทำเลเซอร์ต้องถามคุณหมอก่อนทุกครั้งว่า

เลเซอร์ผ่านอย. แล้วหรือไม่
เลเซอร์ที่ทำชื่อว่าอะไร สามารถสืบค้นทาง Google ได้หรือไม่
เลเซอร์ผลิตจากประเทศอะไร
เพื่อที่จะทำให้คนไข้สามารถเลือกรับบริการที่ดีที่สุด

Dated: 02/05/08
บทความโดย
นพ.วิสิฏฐ ศรีสนิท
แพทย์ศาสตร์ รามาธิบดี
Dlploma in Dermatology (Institue of Dermatology BKK)

:: Share This ::