fbpx

Fraxel VS EMatrix ในหลุมสิว

หลังจากที่หมอเคยเขียนบทความเรื่องการทำfractional ไปแล้วเมื่อ5-6เดือน ขณะนี้หมอมีข้อมูลมา update ให้คนไข้ และเพื่อนๆแพทย์ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีของ fractional ให้มากขึ้นครับ

จากการที่ผมได้มีประสบการณ์ในการทำ Fraxel มาทุกModel นับตั้งแต่ Restore Refine Thulium Clear & Brilliant รวมทั้งเครื่อง Fractional ยี่ห้ออื่นๆ ได้แก่ E matrix , Sellas , Needle with Rf Technology ซึ่งมีมากมายหลากหลายเครื่องมือในตลาด หมอพอสรุปองค์ความรู้ที่ได้ทำ fractional ในคนไข้มาไม่ต่ำกว่า 5000 ครั้งดังนี้ครับ
1. การทำ Fractional แบ่งได้เป็น2หลักการใหญ่ๆ คือ
• Focusing energy ความหมายของ Focusing Energy ก็คือ จุด target ที่เราคาดหวังจะทำให้เกิด collagen Remodelling และ Coagulation ต้องอยู่ที่จุดต่ำสุดของลำแสงของเลซอร์ ดังภาพ เทคนิคนี้จะทำให้ ผิวหนังเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ optimal ที่สุด เช่น ถ้าต้องการรักษาหลุมสิวก็ให้ focus beam ไปที่ชั้นหนังแท้ ( ลึกมากกว่า 1000 ไมครอน ) อยากปรับเปลี่ยนจุดไหนก็ focus ไปที่จุดนั้น ซึ่งเครื่องมือที่สามารถทำ Focusing ได้จะเป็นคลื่นของ Laser Ultrasond เท่านั้นถึงจะทำได้ คลื่นวิทยุหรือ RF ไม่สามารถส่งBeam ในลักษณะนี้ออกมาได้
• Colum energy คือการทำรูปแบบของลำแสงให้เป็นแท่งตรงๆลงไปในชั้นผิวหนัง วิธีนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยรวมๆของผิว แต่จะไม่สามารถ focus ลักษณะของการแก้ปัญหาได้ การทำ colum energy มีข้อดีในการปรับเปลี่ยนลักษณะ contour ของผิวแบบรวมๆ

2. เทคนิคในเรื่อง rolling tip กับ stamping tip เรื่องนี้สำคัญมาก หัวของ fraxel เป็นหัว rolloing tip ( สิทธิบัตรของ fraxel ที่ทำให้เครื่องยี่ห้ออื่นเลียนแบบไม่ได้ ) การ roll หรือ กลิ้งของหัว fraxel ไปเรื่อยๆประมาณ 8-10 pass เพื่อให้ได้ความละเอียดที่เราต้องการ ดีกว่าการทำ stamping หรือ ยิงเพียงครั้งเดียว การค่อยๆกลิ้งหัว fraxel 8-10รอบทำให้ทำได้ละเอียดกว่าและผลปลอดภัยกว่า คิดง่ายๆเหมือนการทาสีผนังด้วยลูกกลิ้ง กับการทาสีด้วยการไม้แปรง

3. พลังงานของเครื่องมือ การที่จะกระตุ้นหลุมสิวได้พลังงานที่ส่งผ่านไปจะต้องไปถึงชั้นหนังแท้ ( ลึกมากถึง 100 ไมครอน ) ซึ่งมีเครื่องมือไม่กี่เครื่องที่ส่งผ่านพลังงานได้ถึงชั้นนี้ Fraxel Restore , E matrix ส่งได้ถึง แต่ clear & brilliant ส่งพลังงานได้ไม่ถึงดังนั้น clear & brilliant ก็ไม่ได้ช่วยในการรักษาหลุมสิว

4. การไหม้หรือรอยดำหลังทำ fractional พบได้บ่อยมากในเครื่องมือ fractional CO2 ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่ลัวว่าเลเซอร์ CO2 ในการ Resurface ผิวคนเอเชียจะทำให้เกิดรอยดำได้ง่ายมาก ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยง หากจะทำ fractional CO2 ควรทำในคนผิวขาวห้ามทำในคนผิวคล้ำ

ดังนั้นในปัญหาของหลุมสิวที่เป็นปัญหาที่แพทย์ต้องการที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของการสร้างเนื้อผิวใหม่ หมอคิดว่าการใช้ fraxel restore ที่เป็น focusing energy with rolling tip เป็นทางเลือกที่ดีกว่า Ematrix ซึ่งเป็น colum energy with stamping tip และดีกว่า clear & brilliant ที่มีพลังงานไม่พอในการกระตุ้นหลุมสิว

นพ วิสิฏฐ ศรีสนิท
Director SVJ Laser Clinic

:: Share This ::

E-Matrix

ตอนนี้คนไข้มาถามหมอมากมายเลยครับเรื่องเครื่องเลเซอร์สุด popular ที่ชื่อว่า E Matrix ส่วนใหญ่จะมาถามว่า
“หมอจะซื้อเครื่องเข้ามาที่ SVJ รึเปล่า อยากมาทำที่ SVJ เพราะเห็นคลินิกอื่นๆก็มืกัน ” “E Matrix กับ Fraxel เครื่องไหนจะดีกว่ากันคะในเรื่องการรักษาหลุมสิว ” .” ทำไมหมอไม่มี Ematrix .”

จากข้อมูลวิชาการที่เป็นที่ยอมรับกันว่า Fraxel Laser เป็นเครื่องมือที่เป็น Gold Standard ในการรักษาหลุมสิว ณ ปัจจุบันมีเครื่องมืออีกเครื่องหนึ่งที่ชื่อว่า eMatrix ซึ่งกำลังมาแรงเป็นกระแสในขณะนี้ เราลองมาทำความรู้จักกับเครื่องมือชนิดนี้กันครับ

E Matrix เป็นเครื่องมือที่ใช้พลังงานจากคลื่นวิทยุ ( bipolar RF) ซึ่งพลังงานจาก eMatrix จะไปทำให้ผิวหนังเกิดเป็นรูเล็กๆจำนวน 64 หรือ 144 รูใน1ตารางเซนติเมตร โดยภายหลังจากการทิ่ผิวหนังถูกเจาะรูจะทำให้เกิดการสร้างผิวใหม่ ซึ่งคอนเซปในการรักษาโดยการเจาะรูที่ผิวหนังด้วยคลื่นวิทยุ bipolar RF หรือที่ทางเอกสารเครื่องมือเรียกว่า Sublative Rejuvenation ก็ไม่ได้ต่างอะไรแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือกับระบบ Fractional Photothermolysis
ของ Fraxel ซึ่งคิดค้นโดย Professor Rox Anderson

หลักการของ Sublative Rejuvenation

 คือการเจาะรูผิวหนังโดยคลื่น bipolar RF ตาม concept บอกว่ารูที่เจาะชั้นผิวหนังด้านบนจะมีรูที่เล็กกว่ารูที่อยู่ด้านล่างทำให้ผลการรักษาดีและไม่ต้องพักผิวนาน

(จากภาพ diagram) ข้างบน ถึงตรงนี้ตัวหมอเองก็รู้สึกดีกับแนวคิดนี้มากๆครับ เพราะมันเป็น ideal thinking ในการทำ fractional เลย คือ รูด้านบนเล็ก ด้านล่างใหญ่ ความหมายคืออะไรสำหรับรูด้านบนกับรูด้านล่าง

รูด้านบนที่เล็ก แปลความหมายได้ง่ายๆคือ รูยิ่งเล็ก ระยะพักผิวน้อย รูยื่งใหญ่ยิ่งเป็นตาข่ายและพักผิวนาน สรุปคือรูด้านบนยิ่งเล็กยิ่งดีครับ

รูด้านล่าง แปลความหมายคือ ยิ่งเจาะรูได้ลึกเท่าไหร่ยิ่งเห็นผลดีเท่านั้น

ดังนั้นตามทฤษฎีแล้วเทคนิค Sublative Rejuvenation เป็นเทคนิคที่ดีมากๆครับ

แต่ในทางปฏิบัติเป็นอย่างไร??

จากภาพ Dermoscope ภาพซ้ายเป็น dot ที่เกิดจาก fine scan laser กลาง eMatrix ขวา Fraxel Restore จะเห็นได้ว่าขนาดของรู FineScan > eMatrix > Fraxel Restore ดังนั้นในเรื่องของ downtime ( เวลาในการพักหน้า ) และ รอยตาข่ายที่เห็นด้วยตาเปล่าก็จะเป็นลำดับดังนี้ FineScan > eMatrix > Fraxel Restore

ส่วนในเรื่องของผลการรักษา eMatrix และ Fraxel สามารถเจาะรูลงได้ลึกเกินกว่า 1000 ไมครอนซึ่งเพียงพอแล้วในการรักษาหลุมสิว และ ริ้วรอยตื้นๆ ดังนั้นยังไม่มีประเด็นบ่งชี้ที่จะทำให้เราเปลี่ยนเครื่องมือในการทำ Fractionalเพื่อการรักษาหลุมสิวและริ้วรอย จาก Fraxel มาเป็น eMatrix ครับเนื่องจากdowntime จาก eMatrix ที่นานกว่า Fraxel มากๆและผลการรักษายังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะดีกว่า Fraxel ได้อย่างไร ถ้าในอนาคตมีข้อมูลใดๆที่เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ eMatrix หรือทีมวิจัยของเราพบว่า eMatrix สามารถนำไปใช้รักษาในโรคอื่นๆได้ดี เราก็พร้อมจะนำเครื่อง eMatrix มาบริการให้คนไข้ของSVJ ทุกคนครับ

บทความฉบับนี้ผู้อ่านทุกท่านคงได้รับข้อเท็จจริงที่เป็นข้อมูลทางวิชาการจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากคนไข้จริงของหมอ หวังว่าผู้อ่านคงได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ J

นพ วิสิฏฐ ศรีสนิท
Director SVJ Laser Clinic

:: Share This ::